วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Maointer.com Forex System



Maointer.com Forex System วีดีโอคู่มือระบบผมนะจ๊ะ ทำเองวุ้ยๆ อันนี้ 555+






วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กราฟเรยา


เอามาให้ดูเป็นการเตือนสตินะครับ ว่ามันมีความโหดร้าย และสิ่งเหนือความคาดหมายอาจจะเกิดขึ้นทุกเมื่อ ดังนั้นควรบริหารความเสี่ยงให้ดีและเตรียมพร้อมกับสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นนะครับ

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โยนความซับซ้อนทิ้งไป



ผมไม่รู้หรอกนะว่าลุงเป็นใคร 555+ แต่ผมเห็นด้วยกะลุงล้านเปอเซ็นต์ครับ

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วาทะเด็ดเซียน Trend Follow

Anonymous :
กำจัดอารมณ์ออกไปให้เร็วสุดเท่าที่จะเป็นได้ ถ้าสามารถทำได้ก่อนที่จะเข้าซื้อ-ขาย >>> คุณเริ่มต้นได้ดีแล้ว

Alan_Farley :
นักเล่นหุ้นที่เก๋าเกม_จะพยายามควบคุมความเสี่ยงเอาไว้ ส่วนนักเล่นหุ้นที่อ่อนหัด_ คิดแต่จะทำกำไรเพียงอย่างเดียว

Bernard_Baruch :
อย่าพยายามที่จะซื้อให้ต่ำที่สุด & ขายที่จุดสูงสุด ไม่มีใครทำได้ นอกจากคนโกหก

Burt_Dohmen :
กฎข้อแรก คือ อย่าขาดทุน~เทียบการเสียโอกาสทำกำไรไปนั้นเป็นเรื่องเล็ก โอกาสใหม่ๆมักจะเข้ามาหาเราอยู่เสมอ

Barry_Lutz :
การขาดทุนติดๆกัน มาจากที่พยายามเล่นหุ้นในช่วงเวลาที่ตลาดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ หรือ เล่นหุ้นบ่อยเกินไป

Charles_Faulkner :
ไม่เกี่ยวว่าคุณคิดอย่างไร มันเกี่ยวกับว่าคุณกำลังเห็นว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นต่างหาก

David_Harding :
เมื่อคุณสุ่ม~ปาเป้าซื้อหุ้น แต่กลับไม่รู้จักกำหนดจุดCut_เอาไว้
* หนำซ้ำยังพยายามที่จะตั้งเป้าขายทำกำไรให้ได้ราคานั้นราคานี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือคุณจะขาดทุนอย่างแน่นอน

Ed_Seykota :
การระบุถึงแนวโน้ม เมื่อราคาหุ้นได้เคลื่อนทะลุผ่านกรอบราคาด้านบน นั่นจะหมายความว่ามันเป็นขาขึ้น
ความล้มเหลวอย่างย่อยยับ มาจากปัจจัยทางจิตฯ~จากระดับในการทนต่อการขาดทุน(Uncle_Point)เสียมากกว่า

Jack D. Schwager :
ตลาดหุ้นนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา & มันก็จะเป็นอย่างนั้นตลอดไป

John_Maynard Keynes :
ตลาดหุ้นสามารถจะทำตัวไร้เหตุผลได้ยาวนานมากกว่าที่คุณ จะสามารถทนอยู่กับการหมดตัวของคุณได้

Larry_Williams : ผู้คิดค้น Indicator คือ William %R
การเล่นหุ้น~สำคัญที่วินัย ไม่ใช่ไม่มีวินัยแต่ระบบการเล่นไม่เข้ากับนิสัยของเขาต่างหาก วินัยจึงกลายเป็นเรื่องยาก

Mark Douglas : Trading In The Zone
ไม่สามารถใช้การวิเคราะห์หุ้นอย่างละเอียด_มาเอาชนะต่อความกลัวต่อการผิดพลาด~ขาดทุนที่เกิดขึ้น

Richard D. Donchian :
ข่าวสารที่เป็นที่กล่าวขาน~เข้าถึงกันได้ทั่วไปจากมวลชน จะทำให้การเคลื่อนตัวของราคาไปได้ไม่ไกล & ช้าลง

William O\\\’Neil :
หุ้นทุกตัวนั้นแย่ จนกระทั่งราคาของมันวิ่งขึ้นไป & หากราคาของมันลดลง คุณต้องรีบตัดขาดทุนโดยเร็ว...
* การปล่อยให้การขาดทุนบานปลายนั้น เป็นข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

Werner_Debont :
* คนฉลาดมากๆส่วนใหญ่~เป็นคนสุดท้าย ที่จะสำเร็จในตลาดหุ้น มักรู้สึกว่า เขาสามารถรู้ได้ว่า ตลาดจะเป็นอย่างไร

ลอกของเขามาอีกเช่นเคย คราวนี้มาจาก Mang Mao Club

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

THE RULES

THE RULES

* คงจะมีบางวันที่เราทำอะไรก็ผิดทางตลอด เมื่อเปิด Short ตลาดดันวิ่งขึ้นแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่เมื่อเปิด Long ขึ้นมา มันก็ดันหัวทิ่มทันที

... จงจำเอาไว้ว่า มันยังจะเกิดขึ้นได้อีกเป็นครั้งคราว ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหน

* แต่มันก็มีบางวัน ที่เราท็อปฟอร์ม ทำอะไรก็ถูกไปหมด จิ้มทางไหนเป็นได้เงิน โลกนี้ช่างสดใส

... จงมั่นใจว่า ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ถ้าคุณทำตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด แต่จงอย่าลำพอง อย่าได้มั่นใจในตัวเองมากจนเกินไป จนขาดความระมัดระว้ง

* และคงจะมีหลายครั้งที่ ตลาดวิ่งมากินจุด stop ของเรา แล้ววิ่งกลับไปในทิศที่คุณคาดไว้ แถมวิ่งต่อไม่หยุด ทิ้งเราเอาไว้ข้างหลังอย่างสุดแสนเสียดาย

... อย่าได้ไปเสียอกเสียใจ เพราะคุณได้ตั้งจุด stop ที่มีเหตุผลสมควรแล้ว การโดนกิน stop เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตเทรดเดอร์

* สำหรับบางวัน ที่คุณเฝ้ารอคำแนะนำจากผู้อื่น ที่ไม่รู้ว่าเขาจะห่วงใยเราอย่างจริงจังแค่ไหน/หรือไม่ ... ขออภัย

..จงตระหนักไว้เถิดว่า นี่เป็นเงินทองที่เราใช้หยาดเหงื่อแลกมา ดังนั้น .. ตัวเราเองเท่านั้น ที่ควรมีหน้าที่รักษามันไว้ และทำให้มันโตขึ้น ไม่ควรให้เป็นความรับผิดชอบของผู้อื่น

* ถ้าเกิดมีวันไหน ที่เรารู้สึกไม่สบายใจ กังวลกับสถานะที่เราถืออยู่ จงปิดมันเสียทันที

... เพราะเมื่อเรากำลังกังวล ย่อมมีโอกาสที่จะตัดสินใจผิดๆได้ง่ายขึ้น

* ถ้าวันไหน เกิดรู้สึกเบื่อๆ เซ็งๆ ไม่อยากเทรด

... จำไว้ว่า เราทุกคนต้องการพักเป็นครั้งคราว จงปิดจอ แล้วไปทำอย่างอื่นให้สบายใจ ชาร์จแบตให้เต็มเมื่อไหร่ แล้วค่อยกลับมา ... ตลาดจะยังอยู่ตลอด เมื่อเราพร้อม

* เมื่อวันที่เราตกรถด่วนขบวนใหญ่ ทั้งๆที่เราเล็งไว้อย่างดี แต่เมื่อถึงเวลาดันไม่ทำอะไร สุดท้ายต้องนั่งมองตาปริบๆ โทษตัวเองที่ไม่ได้ลงมือ

... ไม่ต้องไปเสียดาย ยังคงมีโอกาสครั้งต่อไป

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

** ไม่ได้เป็นกฎที่เขียนเองหรอกครับ แปลมา

แต่เป็นสิ่งที่ผมปฏิบัติตามเสมอ

บทความทั้งหมดนี้ เป็นของคุณ ซาไก แห่งห้องสินธร ครับ
(ผมพึ่งได้อ่านบทความของคุณ ซาไก ครั้งแรกเมื่อวานนี้เองครับ แต่รู้สึกประทับใจอย่างมากครับ เลยค้นในคลังกระทู้อ่านต่ออีกทั้งคืน ตอนนี้ก็ยังอ่านอยู่ครับ)

ปัจจัย 4

อันนี้ฝากถึงมือใหม่ หรือมือเก่าที่ยังโดนตลาดเล่นงานนะครับ

ปัจจัย 4 อย่างสำคัญที่จะทำให้คุณอยู่รอดใน Forex
•ระบบ(System)

•ระเบียบ(วินัย) (Discipline)

•การบริหารเงิน (Money management)

•การควบคุมอารมณ์ (Emotional management)

ห้ามขาดอยา่งใดอย่างหนึ่งนะครับ ทุกอย่างมันต้องสัมพันธ์กัน โอเคไหมจ๊ะ แมงเม่าอินเตอร์ทั้งหลาย ^_^

ขอยกคำพูดของคุณ Mudleygroup เซียนหุ้นแถวหน้าของเมืองไทย

**สรุปคือหากเราออกแบบระบบที่รู้จักแพ้บ้าง เราจะกลายเป็นผู้ชนะเองครับ เพราะคนส่วนมากต่างก็ค้นหาโมเดลวิธีการที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งมันธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่อยากผิดพลาด ส่วนผมชอบที่ออกแบบโมเดลที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็สามารถอยุ่ในตลาดในตลอด เพราะอยุ่ในตลาดเกมส์การเงินเราต้องรับรุ้ความพ่ายแพ้บ้างครับ บางคนรับไม่ได้กลายเป็นแค้นจะลงหนักขึ้นเพื่อเอาคืน สุดท้ายขาดสติเสียวินัย จบไปหลายคนครับ มีหลายคนเลย บางคนเป็นถึง fund manager ระดับโลก ไม่เคยผิดพลาดขนาดหนักมาก่อน พอมาพลาดครั้งเดียว รวนไปหมด พยามเอาคืน สุดท้ายก้ล้มละลาย จบชีวิตสายงานนี้ไป :) **

(ผมเขียนได้เฉพาะเรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะครับ เรื่องดีๆมีสาระขนาดนี้คงต้องอาศัยเอาของคนอื่นมาลงครับ วันหลังผมจะพยายามทำตัวเองให้มีสาระก็แล้วกันนะครับ 555+)

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

จุดอ่อนที่เป็นกันมาก

จุดอ่อนที่เป็นกันมากสำหรับมือใหม่ๆ หรือมือเก๋าบางคนก็คือ ...

... Let profits run ไม่ได้

เมื่อตลาดเป็นไปอย่างที่คาดแล้ว มักจะอดใจไม่ได้ที่จะรีบคว้ากำไร แทนที่จะปล่อยไปเรื่อยๆ จนกว่าตลาดจะบอกเองว่าไปไม่ไหวแล้ว

ผมเคยเห็นน้องคนนึงที่เทรดทางเนต พอถูกทางแล้ว คอยนั่งกด refresh เพื่อดูว่าได้กำไรเท่าไหร่แล้ว พอถามว่ากดทำไม ... ตอบว่า มันอดไม่ได้ มันตื่นเต้น

ผมบอกว่า คอยดูสิ เดี๋ยวจะอดใจไม่ได้ ต้องปิดสถานะแน่ๆ

แล้วก็เป็นจริงอย่างนั้น เพราะพอคล้อยหลังผมไม่นาน ปรากฏว่า (มัน) ปิดสถานะไปเรียบร้อยแล้ว และต้องนั่งดูตลาดวิ่งต่ออีกสิบกว่าจุด

การรีบร้อนปิดสถานะเอากำไร เมื่อตลาดวิ่งต่อจะเกิดอาการนิสัยไม่ดี เริ่มแช่งตลาด ถ้าตลาดกำลังวิ่งขึ้น ... (มัน) ก็จะแช่งให้ตลาดลง

พอแช่งบ่อยๆผสมกับความเสียดาย ใจก็เกิดโอนเอียงไปตามนั้น เริ่มเกิด bias ขึ้นมา คราวนี้เลยจ้องที่จะ short ในเมื่อหลุดจากเทรนด์ เล่นตามเทรนด์ไม่ได้ เพราะไม่กล้า .. ในใจคิดว่า 'มันขึ้นมากแล้ว ไปไม่ไหวแล้ว' ... คราวนี้ก็เลยจ้องสวนเทรนด์

ถ้าตลาดแรงๆ นอกจากขาดทุนที่ short แล้ว กำไรเดิมที่รีบคว้าจากการ Long ก็หมดไปด้วย ต้องมานั่งเสียใจ 2 ต่อ

... ที่เขียนข้างบน เชื่อว่าเป็นชีวิตจริงของหลายๆคน และเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เจอมาก็หลายครั้ง ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองได้

แม้ว่าทุกครั้งที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ จะบอกตัวเองเสมอว่า ... จะไม่ทำอีก

แต่จนแล้วจนรอดก็หนีไม่พ้น ... เพราะอะไร

เพราะสถานะการณ์มันต่างกัน ....

เมื่อตอนเกิดความผิดพลาด เราเสียใจ ยอมรับว่าผิด คิดแก้ไข ... ใจเราเป็นอย่างนึง

แต่เมื่อตอน realtime ที่ตลาดกำลังวิ่งอยู่ เราตื่นเต้น ... เราคิดไปถึงช่วงที่วิ่งไปสั้นๆแล้วกลับตัว เราปิดสถานะไม่ทัน กำไรหาย หรือบางครั้งกลายเป็นขาดทุน

เมื่อคิดแบบนี้คิดมา ความกลัวมันเลยเข้ามาอยู่ในใจ กินพื้นที่ส่วนใจ ... ความตั้งใจที่จะทำตามแผนเริ่มหายไป ... ใจเราจะไม่เหมือนกับเมื่อวันที่ยอมรับความผิด และคิดจะแก้ไข

ในที่สุด ถ้าเราไม่รู้จักตัวเองดีพอ ไม่รู้จักควบคุมความกลัวให้อยู่ในขอบเขตที่พอเหมาะ .. ความกลัวก็จะชนะ ทำให้เราต้องปิดสถานะไปก่อนเวลาสมควร ตามแผนที่ตั้งใจไว้

สรุปแล้ว การไม่ทำตามแผน ไม่มีวินัย เป็นเพราะตัวเราเอง เกิดจากพื้นนิสัย ความเคยชินของเรา

ต่อให้มีวิธีการเทรดที่ดีแค่ไหน มีอาจารย์ที่เก่งแค่ไหนมาสอน ...

ถ้าเรามีนิสัย คุณสมบัติส่วนตัวที่ไม่เหมาะ ... ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จในตลาดนี้

ที่เรายังขาดทุน ..อย่างสม่ำเสมอ .. อยู่ทุกวันนี้

* ไม่ใช่เพราะตลาดมันโหดร้าย
* ไม่ใช่เพราะกองทุน/เจ้ามือ/รายใหญ่เอาเปรียบ
* ไม่ใช่เพราะค่าคอมแพง
* หรือเหตุผลใดๆที่เราอาจจะยกมาอ้างให้ตัวเองสบายใจ

แต่เพราะ "ตัวเรา" ยังไม่พร้อม ... ต่างหาก

ฝากไปพิจารณาดูครับ

+++ วันนี้พอเท่านี้ ไปพักล่ะครับ

ขอให้โชคดี

หมายเหตุ ... ที่เขียนมาทั้งหมดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ไม่ได้คิดว่า ตัวผมเองวิเศษวิโสเป็นเซียนมาจากไหนนะครับ

เพราะผมเคยผ่านช่วงยากลำบากมาหลายครั้ง ... คนเก่าๆในกระทู้จะทราบดีว่า ผมเคยขาดทุนบักโกรก และเคยท้อแท้ขนาดไหน

วันนี้เมื่อผ่านมาได้ ก็ไม่อยากให้ใครเดินซ้ำรอย เพราะเข้าใจความเจ็บปวดนั้นดี

ความรู้ที่เอามาเล่าให้ฟัง มีทั้งจากของตัวเองและคนอื่นๆที่มีน้ำใจแบ่งปันให้

ข้อความที่ผมเขียนเป็นครั้งคราว ตามอารมณ์ตัวเองนี้ ถ้าเป็นประโยชน์กับใคร ... ผมก็ยินดี

บทความทั้งหมดนี้ เป็นของคุณ ซาไก แห่งห้องสินธร ครับ เขียนไว้วันที่ 8 มิ.ย. 54 (เขียนได้ดีขนาดนี้ไม่ต้องคิดเลยว่ามันจะเป็นฝีมือผม ก๊ากๆๆ)

คุณสมบัติเทรดเดอร์ที่ดี

เทรดเดอร์ที่ดี ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ต้องมีคุณสมบัติประมาณนี้ ...

1. ต้องมีระบบ หรือ วิธีการเทรด ที่พิสูจน์แล้วว่า ได้กำไรในระยะยาว

2. กำหนดค่าความเสี่ยงไว้ตั้งแต่ต้น

ยืนยันได้ด้วยการตั้ง stop ไว้ทันทีหลังจากเปิดสถานะ และที่ดีมากคือ ไม่ยกหนีด้วย

คนจะได้ตังค์จากตลาดแบบสม่ำเสมอในระยะยาว ต้องรู้จักวางแผนสำหรับถอยไว้ด้วย ไม่มองเฉพาะด้านกำไร ต้องคิดไว้ล่วงหน้าว่า เมื่อไหร่หรือจุดไหนที่จะเป็นจุดที่ตลาดบอกว่าเราผิดทาง และเมื่อถึงจุดถอยต้องถอย

3. ยอมรับความเสี่ยงจริงๆ ไม่ใช่แค่ปาก

ต้องมีวินัย เมื่อแพ้ก็ต้องยอมแพ้ ไม่ลังเลที่จะตัดขาดทุน ไม่หลอกตัวเอง แล้วหว้งว่าตลาดจะกลับไปมาทำให้เราขาดทุนน้อยลง ... ยอมรับความจริง ตัดขาดทุน แล้วรอโอกาสต่อไป ... ซึ่งมีแน่นอน

เป็นคนที่ซื่อสัตย์ทั้งต่อตัวเอง การไม่อายที่จะบอกคนอื่นว่าขาดทุน ยอมรับว่าผิด แสดงว่า ไม่คิดว่าการขาดทุนเป็นเรื่องน่าอาย เสียฟอร์ม

การขาดทุนไม่ใช่เรื่องน่าอาย หรือเสียฟอร์ม เพราะการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของเกมส์นี้ ขาดทุนครั้งนี้หรืออีกกี่ครั้งก็เป็นเรื่องธรรมดา การทำตามแผนการที่ได้วางมาอย่างดีแล้วโดยไม่ลังเล ... จะนำเราไปสู่ความสำเร็จเอง

4. ทำตามแผนโดยไม่ลังเล ไม่ต่อรอง

5. เทรดโดยมีแผนที่แน่นอน

บทความนี้เป็นของคุณ ซาไก แห่งห้องสินธร (เรื่องดีดีมีสาระผมคิดเองไม่เป็นอยู่ละ 555+)

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Money management กับการตัดสินใจ

ผมก็พึ่งรู้วันนี้ว่าที่ผมเสียมาหลายปีเพราะว่า ไม่มี Money management นี่เอง ได้แต่เข้าใจผิด ว่าสาเหตุแห่งการล้างพอร์ตเป็นเพราะ ไม่รู้จัก Cut loss แต่จริงๆแล้วมันคือ การเล่นแบบเสี่ยงๆไม่มี Money management ทำให้ถ้าหากเทรดพลาดขึ้นมา ก็เกิดอาการไม่กล้า Cut loss ขึ้นมาทันที

การจากอยู่ในตลาด FOREX มา 5 ปีของผม เงินในพอร์ตกลายเป็น 0 มานับไม่ถ้วนครับ แต่โชคดีแต่แต่ละครั้งที่หมดไปเป็นเงินไม่กี่พันเพราะทุนมีไม่มาก(โชคดีไปที่บ้านจนเลยเสียค่าประสบการณ์ไม่แพงเท่าใด) แต่รวมๆกันแล้วก็เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงถึงหลักแสนเลยทีเดียว คิดเอาละกันครับว่าผมเงินหมดบ่อยแค่ไหน(คนอะไรจะเทรดอ่อนปานนั้น 555+) ก็สาเหตุมาจากเรื่องที่เขียนไปก่อนหน้านี้ล่ะครับ ไม่รู้จัก Cut loss นั่งภาวนาให้โชคชะตาเข้าข้าง ตามประสาแมงเม่าทั่วๆไปเขาทำกันน่ะครับ เอาเข้าไปเทรด 100 USD ดันทะลึ่ง เทรดจุดละดอล แล้วผิดทางติดลบขึ้นมา ทำใจปิดลำบากครับ สมมุติถ้า -30 ถ้าจะ Cut loss ทิ้งไปแล้วเริ่มใหม่ ต้องมีการลังเลแน่นอนครับ เพราะ ถ้าคัทไปก็คือต้องเสียเงินไปถึง 30% ระหว่างที่ลังเลจะปิดดี ไม่ปิดดี มันก็จะติดลบเพิ่มขึ้นกลายเป็น 50 แน่นอนว่า Cut loss ตอนนี้จะต้องเสียเงินถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งความกล้าที่จะ Cut loss นั่นมีน้อยแน่นอน จนในที่สุดก็กลายเป็นไม่ Cut loss ปล่อยวัดดวงกับตลาด แล้วนั่งภาวนา(ผมเชื่อว่าบางคนถึงกะสวดมนต์เลยก็มี เพราะผมเองก็ทำมาแล้วจ้า) จนในที่สุดมันก็ลากไปแล้วกินเงินซะเกลี้ยงพอร์ต ช่วงสองสามปีแรกๆก็เป็นแบบนี้ตลอดล่ะครับ เทรดแบบ รับการติดลบได้แค่ 100 ถึง 200 จุด ประมาณนี้ครับ ไม่ให้มันเจ๊งไปได้ไงล่ะครับ ฝีมือไม่ถึงขั้นแล้วยังเล่นหนักมากเมื่อเทียบกับทุนที่มี พอติดลบมาที ก็เข้าสู่วงเวียนเม่าเช่นเคยครับ ติดลบแรกๆลังเล เพราะว่ามันมากเมื่อเทียบกับทุน จึงกลายเป็นไม่ปิดนั่งภาวนาๆๆ ไปเรื่อยๆจนถึงเงินหมดนั่นล่ะครับ นี่ล่ะครับวิถีแห่งเม่าอินเตอร์ (เม่าอินเตอร์เพราะ FOREX เป็นสากล อิอิ)

พอจะเดาออกกันรึยังครับว่า Money management มันเกี่ยวยังไงกับวิถีเม่าอินเตอร์ ก็คือการเล่นไม่เหมาะสมกันเงินทุนยังไงล่ะครับ ผมขอยืนยันเลยว่านี่คือ สิ่งที่เม่าอินเตอร์ทั้งหลายทำกันอยู่ การบริหารทุนที่เสี่ยงเกินไปทำให้มันแทบไม่ต่างจากการพนันเลยนะครับ ถึงจะวิเคราะห์กราฟได้ก็เถอะครับ ตลาดมันเคยแน่นอน 100% ที่ไหน ยกตัวอย่างนะครับ ถ้าเทรดจุดละเหรียญ จากทุน 100 USD พอเทรดไปได้สักพักกราฟเด้งมา -40 ถามว่าจะมีสักกี่คนครับที่กล้า Cut loss เพื่อรักษา เงิน 60% ที่เหลือ ผมว่าแทบไม่มีเลยล่ะครับเพราะคงจะเสียดาย 40 จุดที่จะต้อง ปิดทิ้งมากกว่า อาจจะมีบางคนสงสัยว่าอ้าวแล้วจะให้ทำยังไงถึงจะถูกล่ะ จะปิดหรือไม่ปิดดีในกรณีนี้ จากประสบกาณ์ของผมก็ขอตอบแบบตรงๆเลยครับว่า ไม่รู้ !!! ก็มันผิดมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะครับ การที่ไม่มี Money management นั้นทำให้การตัดสินใจในการเทรดของเรามันยากขึ้นแล้วถ้าหากเกิดติบลบมาแล้วล่ะก็โอกาสล้างพอร์ตเกิดขึ้นง่ายๆเลยล่ะครับ แล้วทีนี้เรามาการเทรดแบบมี Money management กันบ้างนะครับทุน 100 USD เช่นกัน แต่เล่นจุดละ 20 cent (แมงเม่าบางตัวอาจจะบอกว่ามันรวยช้า แต่ผมก็จะบอกแมงเม่าว่าก็จนช้านะโ้ว้ยยยยย) ติดลบ 40 จุดเช่นกัน แล้วรู้สึกว่ามันผิดทางจะ Cut loss การตัดสินใจไม่ยากเลย เพราะคิดเป็นเงินแค่ 8 USD หรือ 8% ก็ปิดได้แบบสบายๆ ไม่ลำบากใจเลย แต่หากเสียติดต่อกันบ่อยๆก็เจ๊งได้เหมือนกันนะครับ ดังนั้นควรมีระบบเทรดมีแม่นยำพอสมควรนะครับ เดี๋ยวตอนต่อๆไป ผมจะมาแบ่งปันวิธีการเทรดของระบบผมเผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอ่านบ้างสักนิดนึงก็ยังดีครับ


ส่วนนี่คือส่วนหนึ่งในประสบการ์ของผมครับ



วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

"SL" ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องเทรด

วันนี้ขอเปรียบการเทรดกับทะเลนะครับ......
ในเมื่อเราอยู่ตลาดที่เอาแน่เอานอนด้วยไม่ได้ บางวันก็เหมือนทะเลที่สงบนิ่ง บางวันก็ปั่นป่วนไปหมดเหมือนกับพายุลง บางทีก็บ้าคลั่งยังกับสึนามิถล่ม แน่นอนความผิดพลาดมันต้องมีคู่กันอยู่แล้ว ที่จริงความผิดพลาดมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยใครๆเขาก็ผิดพลาดกัน มันเป็นปกติควบคู่กับการเทรดอยู่แล้วครับ แต่ปัญหามันติดอยู่ที่ว่าผิดพลาดแล้วเราจะจัดการกับมันยังไงต่างหากล่ะครับ เหมือนเราเลือกลงเรือนั่นล่ะครับเมื่อเรือมีแววที่จะล่มท่านจะทำอะไรครับ ระหว่างสละเรือกับภาวนาให้โชคเข้าข้าง ติ๊กต๊อกติ๊กต๊อกติ๊กต๊อก เลือกคำตอบกันแล้วใช่ไหมครับ ที่นี้มาดูกันว่าคำตอบของท่านเมื่อเจอเหตุการณ์แล้วจะเป็นอย่างไร

1.ถ้าเรือนั้นไม่ได้ล่ม
-พวกที่เลือกสละเรือ : เสียเวลาในการที่ไปหาขึ้นเรือลำใหม่
-พวกที่เลือกภาวนา : บร๊ะกูรอดๆ หลงดีใจในความแน่ของตัวเอง พร้อมกับเสียดสีพวกคนที่สละเรือ "โห ใจตุ๊ดว่ะแสรส ", "ขึ้นเรือลำใหม่เด๋วก็โดดอีกล่ะม้าง" , "พวกกระต่ายตื่นตูม" ฯลฯ

2.ถ้าเรื่อนั้นล่ม
-พวกที่สละเรือ : รอดตาย
-พวกที่นั่งภาวนา : ตายโหง !!! ครับพี่น้อง

ถ้านำมาเปรียบเทียบกับการเทรดก็เหมือนกันครับ ถ้าเรารู้ว่าผิดทางแต่ท่านไม่รีบปิดเพื่อยอมขาดทุนแต่แรกเดี๋ยวมันจะบานปลายกันใหญ่แน่นอนครับ อาจจะมีบ้างที่กราฟมันกลับมาให้ท่านปิดบวก ท่านก็จงอย่าลงดีใจไม่ยอมตัดขาดทุนแต่แรกเพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็กลับมานะครับ เพราะถ้าหากวันไหนมันไม่กลับมาแล้วท่านจะทำยังไงครับ ??? ผมขอตอบให้ละกันว่า เจ๊ง คำเดียวครับ แนวคิดของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ แนวคิดสำคัญของเขาก็คือ "ถ้าหากปริมาณในการขาดทุนมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นเขาจะรีบตัดขาดทุนโดยเร็ว เพราะเขาเลือกขาดทุนน้อยที่สุด" ในความคิดของตัวผมเองผมคิดว่าถ้าไม่ยอมมีการตัดการทุนหรือ SL ก็ไม่ต่างกับการมีระเบิดเวลาที่พร้อมระเบิดพอร์ตเราให้เกลี้ยงนั่นเองครับ ดังนั้นถ้าหากใครเป็นคนที่ยังตัดขาดทุนไม่ได้ ผมแนะนำว่าเอาเงินที่ท่านจะนำมาเทรดไปหาความสุขให้กับตัวท่านเองดีกว่าครับ ยังดีกว่าที่จะเอาเงินมาเทรดแล้วสูญไปเปล่า นอกจากจะเสียเงินโดยไ่ได้อะไรเลย แล้วยังเสียเวลา แถมยังเสียสุขภาพจิตอย่างยิ่งเลยครับ (ผมรู้ดีตอนผมเสียผมก็แบบนี้ 555+)


นี่เป็นภาพตัวอย่างเหตุการณ์ที่ว่าถ้าหากเสียไม่ปิดก็ได้แต่นั่งภาวนาครับ ตลาดมันไม่เคยแน่นอนอยู่แล้ว หากพลาดก็จงยอมรับความผิดพลาดแล้วหาโอกาสใหม่กันเถอะครับ แต่หากผิดพลาดบ่อยอันนี้ก็คงจะต้องแก้กันที่แนวทางการเทรด แล้วล่ะครับ เดี๋ยวตอนต่อไปเราจะมาดูกันว่า สองรูปข้างล่างนี้เมื่อเข้าพลาดแล้วจะหาโอกาสแก้ตัวจากตรงไหนจากระบบเทรดของผม



วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ความไม่แน่นอนสิ่งที่อันตรายที่สุด

ผมยังจำได้ดีกับคำพูดที่ว่า "อะไรที่ขึ้นอยู่กับคนอื่นย่อมไม่แน่เสมอ" ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง(โคตรจริงเลยล่ะ)เพราะอะไรก็ตามที่ขึ้นอยู่กับคนอื่นนั้นเราไม่สามารถคาดเดาคาดหวังได้อย่างแม่นยำเลย ตลาดที่เราเล่นอยู่ทุกวันนี้ก็เหมือนกันครับ บางวันวิ่งขึ้นๆลงๆ(กวนตีนมาก ถ้ามันเป็นคนคงจะโดนทืบวันละหลายหน) บางวันก็ไม่วิ่ง บางวันก็วิ่งเป็นเทรนอย่างดี แต่ตอนที่มีเทรนตอนนี้คนที่ถืออีกทางนึงมันจะนั่งแช่งด้วยหน้าประมาณว่าบ้านมันไฟไหม้ (ก็มันนั่นแหละว้า ไม่ดับไฟตั้งแต่แรก มันถึงไหม้บ้านได้) ตลาดที่เห็นกันทุกวันนี้ก็เป็นฝีมือคนอื่นทั้งนั้น ที่สำคัญอย่าลืมนะครับว่า "จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง" แล้วเราจะไปรู้ได้อย่างไงว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ที่ผมพูดเรื่องนี้แค่อยากจะเตือนว่า จงเตรียมพร้อมรับมือสิ่งที่จะเิกิดขึ้นครับ ดั่งคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า "จงอย่าตั้งอยู่บนความประมาท"